สมการ CAPM = k RF + ( k M- k RF ) b
ตัวอย่าง: บริษัท Erie Steel จำหน่ายเหล็กประเภทต่าง ๆ ใช้เงินทุนจากส่วนของผู้ถือหุ้น 100 % ต้นทุน ของหุ้นสามัญ = WACC ของบริษัท บริษัท มีค่า b = 1.1 , k RF = 8% , k M = 12%
ต้นทุนของหุ้นสามัญ = k s = WACC
= k RF + ( k M- k RF ) b i
= 8 + ( 12-8) 1.1
= 12.4 %
ใช้ 12.4 % เป็นเกณฑ์ประเมินโครงการที่มีความเสี่ยงเท่ากับความเสี่ยงโดยเฉลี่ยของโครงการที่บริษัททำอยู่เดิม ( Average-risk project )
ถ้าบริษัท Erie ลงทุนในโครงการสร้างท่าเรือสำหรับเรือขุดแร่ ซึ่งโครงการนี้มีค่า bata 1.5 และใช้เงินทุน 20% ของโครงการผลิตเหล็กซึ่งทำอยู่เดิมใช้เงินทุน 80%
ค่า bata ใหม่ = อัตราเงินทุนเดิม ( bata เดิม ) + อัตราเงินทุนใหม่ ( bata ใหม่ )
= 0.8 (1.1) + 0.2 (1.5)
= 1.18
* เมื่อค่าเบต้าเพิ่มขึ้นราคาหุ้นสามัญจะลดลงนอกจากอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจะสามารถ ชดเชยกับค่าเบต้าที่เพิ่มขึ้นนี้
• นั่นคือ อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นต้องการจะต้องเพิ่มขึ้น
ต้นทุนของหุ้นสามัญ(ใหม่) = k s = WACC
= k RF + ( k M- k RF ) b i
= 8 + ( 12-8) 1.18
= 12.72 %
- ผลตอบแทนจากการลงทุนที่จะได้รับทั้งสิ้นต้องเพิ่มขึ้น จาก 12.4% เป็น 12.72%
- ถ้าโครงการลงทุนเดิม ( ผลิตเหล็กชนิดต่าง ๆ ให้ผลตอบแทน 12.4% โครงการใหม่จะต้องให้ผลตอบแทนเท่าใดผู้ลงทุนจึงจะพอใจ ( 12.72%)
12.72 % = 8 + ( 12.4) + 0.2 (X)
0.2 (X) = 12.72 - 8 + ( 12.4)
X = 2.8 /0.2
= 14%
สรุป
ความเสี่ยง โดยเฉลี่ยของ
โครงการเดิม การลงทุนโครงการท่าเรือขุดแร่
สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโครงการเดิม
Beta ของโครงการ 1.1 1.5
Beta ของบริษัท 1.1 1.18
WACC ของบริษัท 12.4 12.72
Risk Adjusted Cost of Capital 12.4 14.00
Risk Adjusted Cost of Capital = k b
k barge = k RF + ( k M- k RF ) b b
= 8 + ( 12-8) 1.5
= 8 + 6
= 14 %
ตัวอย่าง:บริษัท Eric พิจารณาโครงการเปิดศูนย์จัดจำหน่ายแห่งใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ beta = 0.5 จะ คำนวณ Risk – Adjusted Cost of Capital ได้ดังนี้
k center = 8 + ( 12-8) 0.5
= 10 %
การซื้อของผู้บริโภค
-
พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค หมายถึง
พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคขึ้นสุดท้ายที่ซื้อสินค้าและบริการไปเพื่อกินเองใช้เอง
หรือเพื่อกินหรือใช้ภายในครัวเรือน
ผู้บ...
4 ปีที่ผ่านมา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น